ผู้เขียน: Connor Roberts

Death Proof เป็นอีกหนึ่ง ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถ ที่มีทั้งความสนุก ความดิบ ความเถื่อน มันส์ และตื่นเต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นที่น่าสนใจ การถ่ายทำและการวางพล็อตเรื่องนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยมมาก

และนักแสดงยังแสดงออกมาได้ดีด้วย จะเป็นอย่างไรไปดูกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแลและกำกับโดย ผู้กำกับ เควนติน แทแรนติโน ถูกนำออกมาฉากในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2550 ที่ประเทศไทย

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวอยู่ที่ 113 นาที หรือ ราวๆ 1 ชั่วโมง 53 นาที วันนี้เราได้เตรียมเรื่องราวของภาพยนตร์มาฝากกันด้วย ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Death Proof ชื่อของภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่มีความดิบความเถื่อนและมันส์มาก

พล็อตของภาพยนตร์เรื่อง เดธ พรูฟ

ภาพยนตร์เริ่มเรื่องมาที่เพื่อนสามคน อาร์ลีน, ชานน่า และดีเจรายการวิทยุ จังเกิล จูเลีย ลูไค ขับรถไปตามถนน คองเกรสอเวนิวในออสตินรัฐเท็กซัสเพื่อฉลองวันเกิดของ จูเลีย ในบาร์แห่งหนึ่ง จูเลีย เปิดเผยว่าเธอได้ประกาศทางวิทยุโดยเสนอการเต้นรำบนตักฟรีจาก อาร์ลีน

เพื่อเป็นการตอบแทนเธอในฐานะ “บัตเตอร์ฟลาย” ซื้อเครื่องดื่มให้เธอและท่องบทกวี สทอพปี้ง บาย วูด ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหิมะ ไมค์แม็คเคย์นักแสดงผาดโผนในฮอลลีวูดผู้สูงอายุสองคนเดินตามผู้หญิงไปที่บาร์

และอ้างว่าเต้นรำบนตัก อาร์ลีนสงสัยเมื่อเห็นรถของไมค์ก่อนหน้านั้นในวันนั้น แต่เขาปลอบเธอให้เต้นตัก

พวกผู้หญิงเตรียมตัวออกเดินทางกับลานนาเพื่อนอีกคน แพมเพื่อนร่วมชั้นเก่าของจูเลียยอมรับข้อเสนอของไมค์ในการนั่งรถกลับบ้าน ไมค์พาแพมไปที่รถสตั๊นต์ของฮอลลีวูดที่มีกรงม้วนและบอกเธอว่ารถเป็น หลักฐานการตาย

แต่สำหรับคนขับเท่านั้น เขาเร่งความเร็วและกระแทกเบรกทุบกะโหลกของแพมบนแผงหน้าปัดฆ่าเธอ เขาสบตากับรถของผู้หญิงและขับเข้าไปด้วยความเร็วสูงฆ่าพวกเขา ไมค์รอดชีวิตโดยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายอำเภอ แม็กก้า

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เชื่อว่าไมค์ฆ่าผู้หญิงโดยเจตนา แต่เนื่องจากไมค์มีสติในขณะที่ผู้หญิงมึนเมาเขาจึงไม่สามารถถูกตั้งข้อหาได้

สิบสี่เดือนต่อมาหญิงสาวสามคนอาเบอร์นาธีรอสคิมมาติสและลีมอนต์โกเมอรีกำลังขับรถผ่านเลบานอนเทนเนสซี พวกเขาหยุดที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งไมค์มองพวกเขาจากรถของเขา ผู้หญิงไปรับ โซอี้ เบลล์

นักแสดงผาดโผนเพื่อนของพวกเธอจากสนามบินในขณะที่ไมค์ถ่ายรูปพวกเธออย่างไม่สบอารมณ์ โซอี้บอกพวกเขาว่าเธอต้องการทดลองขับ ดอด ชาเลนเจอร์ ปี 1970 ซึ่งเป็นรถประเภทเดียวกันจากภาพยนตร์เรื่อง วานิชชิ่ง พอยท์ ปี 1971

ที่วางขายในบริเวณใกล้เคียง เจ้าของปล่อยให้พวกเขาทดลองขับโดยไม่ได้รับการดูแลหลังจากที่อเบอร์นาธีบอกว่าลีเป็นดาราหนังโป๊และจะอยู่ข้างหลัง

บทความโดย ufabet.com

Days of Thunder เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการถ่ายทำฉากแข่งรถได้ออกมาดีมากอีกด้วย ทำให้ผู้ชมนั้นเหมือนเป็นคนขับเองเลย ภาพยนตร์ยังได้พระเอกชื่อดังอย่าง ทอม ครูซ มาแสดงอีกด้วย จะเป็นอย่างไรไปดูกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแลและกำกับโดย โทนี สก็อตต์ ภาพยนตร์มีความยาวอยู่ที่ 108 นาที หรือ ราวๆ 1 ชั่วโมง 48 นาที ภาพยนตร์ถูกนำออกมาฉายในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2533

วันนี้เราจะพาทุกท่าไปสัมผัสเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้กัน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Days of Thunder เรื่องราวของภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่มีความมันส์ความน่าสนใจ

พล็อตของภาพยนตร์เรื่อง เดย์ ออฟ ธันเดอะ

ภาพยนตร์เปิดเรื่องมาที่ โคล ทริกเกิ้ล เป็นนักแข่งอายุน้อยจาก อีเกิล ร็อคแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประสบการณ์ในการแข่งรถแบบเปิดล้อมาหลายปีและคว้าแชมป์กับ เวิร์ค ออฟ  เอ้าวอร์ด จากเดิมที่เขาตั้งเป้าไว้ที่ อินเดียแนโพลิส 500 โคลตระหนักดีว่า

การจะชนะในอินดี้ฉันต้องการรถที่ดี แต่รถในสต็อกเหมือนกันหมด เขาได้รับคัดเลือกจากผู้ประกอบการผู้จัดจำหน่ายเชฟโรเลต ทิมดาแลนด์เพื่อลงแข่งให้กับทีมของเขาในรายการ นาสคาร์คัพ ซีรีส์ ดาแลนด์

นำอดีตหัวหน้าลูกเรือและผู้สร้างรถยนต์ แฮร์รี่ ฮอก ออกจากการเกษียณอายุเพื่อเป็นผู้นำทีมหลุมของ โคล  หลังจากที่โคลกำหนดเวลาอันรวดเร็วในการทดสอบส่วนตัวที่ ชาร์ล็อตต์ โมโต สปีดเวย์ ฮอกจ์ก็สร้าง เชฟโรเลต ลูมิน่า ใหม่ให้เขา

ในการแข่งขันสองสามครั้งแรกโคลมีความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับรถสต็อก นาสคาร์ ที่ใหญ่กว่าและการสื่อสารกับลูกเรือของเขาในขณะที่ถูกข่มขู่โดย Winston Cup Champion และ โรว์ดี้ เบินส์ที่สกปรก

อุปสรรคเหล่านี้รวมกับการขัดข้องและเครื่องยนต์เป่าทำให้โคลไม่สามารถจบการแข่งขันได้ เมื่อพบว่าโคลไม่เข้าใจคำศัพท์ทั่วไปของ นาสคาร์ แฮร์รี่ทำให้เขาผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวด

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

สิ่งนี้ให้ผลตอบแทนที่ดาร์ลิงตันเมื่อโคลใช้การซ้อมรบหนังสติ๊กจากเส้นนอกเพื่อแซง โรดี้ และชนะการแข่งขันครั้งแรกของเขา

การแข่งขันระหว่างโคลและโรว์ดี้ทวีความรุนแรงขึ้นตลอดทั้งฤดูกาลจนกระทั่ง Firecracker 400 ที่ เดย์โทนา ซึ่งทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกจับใน เดอะ บิ๊ก วัน โคลพัฒนาความสัมพันธ์อันโรแมนติก

กับดร. แคลร์ลูวิคกีศัลยแพทย์ระบบประสาทของโรงพยาบาลในพื้นที่ซึ่งฟื้นตัวในเดย์โทนาบีช บิ๊กจอห์น ประธาน นาสคาร์ นำ โรดี้ และ โคล เข้าร่วมการประชุมและเตือนพวกเขาว่าเขาและกีฬาของเขาจะไม่ยอมให้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจากคู่แข่งทั้งสองอีกต่อไป

โคลและโรว์ดี้ชักชวนโดยบิ๊กจอห์นโคลและโรว์ดี้รับประทานอาหารเย็นและจัดการความแตกต่างด้วยการทุบรถเช่าในการแข่งขันบนชายหาด คู่แข่งที่ขมขื่นกลายเป็นเพื่อนสนิทในไม่ช้า

บทความโดย ufa877.com

Crisis and collapse of Daewoo เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของแบรนด์รถยนต์ที่ตอนแรกนั้นเราได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์นี้กันไปแล้ว แต่ในตอนนี้นั้นจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่แบรนด์รถยนต์อย่างแดวูนั้นตกต่ำ

เผื่อท่านใดที่ยังไม่รู้แบรนด์รถยนต์นี้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูง่ายจะมีรถยนต์อยู่รุ่นหนึ่งที่จะเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กที่ดูไปดูมานั้นจะมีความน่ารักขับขี่ง่ายมา เอาหละพร้อมที่จะไปชมกันแล้วใช่มั้ยครับ

วันนี้เราจะพาทุกท่านนั้นไปรู้จักกับช่วงเวลาที่ตกต่ำของแดวูกัน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Crisis and collapse of Daewoo เรื่องราวของแบรนด์รถยนต์ในช่วงที่ตกต่ำ

ช่วงเวลาที่ตกต่ำของแบรนด์รถยนต์แดวู

แดวูกรุ๊ป ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักในปี ค.ศ.1998 เนื่องจากวิกฤตการเงินในเอเชียปี ค.ศ.1997 ความสัมพันธ์ที่เบาบางมากขึ้นกับรัฐบาลเกาหลีภายใต้ประธานาธิบดี คิมแดจุง และการจัดการทางการเงินที่ไม่ดี

เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีขาดดุลการเข้าถึงสินเชื่อราคาถูกและเกือบไม่ จำกัด จึงถูก จำกัด อย่างรุนแรง

ในปี ค.ศ.1998 เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจบีบให้ แชโบล ส่วนใหญ่ลดลง แดวู ได้เพิ่มบริษัทใหม่ 14 แห่ง ในบริษัทย่อยที่มีอยู่ 275 แห่งในปีที่กลุ่มนี้สูญเสียรายได้รวม 550 พันล้านวอน (458 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

จากยอดขาย 62 ล้านล้าน วอน (51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตอนท้ายของปี ค.ศ.1997 แชโบลรายใหญ่ที่สุดสี่รายของเกาหลีใต้มีหนี้เกือบห้าเท่าของส่วนของพวกเขา ในขณะที่ซัมซุงและแอลจีลดระดับลงท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจแดวูรับภาระหนี้เพิ่มขึ้น 40%

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ในช่วงเวลาปี พ.ศ.2542 แดวูซึ่งเป็นกลุ่ม บริษัท ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเกาหลีใต้ซึ่งมีผลประโยชน์ในกว่า 100 ประเทศล้มละลายโดยมีหนี้สินประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562)

หลังจากการเสียชีวิตไม่นานประธาน คิมวูจอน ก็หนีไปเวียดนามและอดีตคนงานในโรงงาน แดวู ได้ติดโปสเตอร์ Wanted หรือ ป้ายเตือนนั้นแหละครับ พร้อมรูปภาพ คิมเดินทางกลับเกาหลีในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2548

และถูกจับกุมทันที เขาถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงทางบัญชี 41 ล้านล้านวอน (43.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ยืมเงิน 9.8 ล้านล้านวอนอย่างผิดกฎหมาย (10.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และลักลอบนำเงิน 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ออกนอกประเทศตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2549 คิมถูกตัดสินจำคุก 10 ปีหลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอก

ในวันสุดท้ายของการพิจารณาคดีคิมกล่าวต่อศาลด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ฉันไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการติดกระดุมโชคชะตาอย่างผิดๆ ได้”

บทความโดย ufa877.com

Daewoo เป็นอีกหนึ่บงแบรนด์รถยนต์ที่มีความน่าสนใจไม่พ้กับแบรนด์อื่นๆ แต่ว่าในประเทศไทยนั้นอาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นกันสักเท่าไหร่ เพราะว่ารถยนต์แบรนด์นี้มีผมว่ามีเอกลักษณ์มากนะ

และอีกอย่างที่ลืมบอกรถยนต์แบรนด์นี้ในประเทศไทยก็มีนะครับผมว่า แต่อาจจะมีน้อยมาก ด้วยลักษณะของแบรนด์นี้นั้นมีเอกลักษณ์มาก บางรุ่นของแบรนด์นี้จะเป็นรถยนต์ที่มีลักษณะที่เล็กน่ารักมาก

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกันกับรถยนต์แบรนด์นี้กัน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Daewoo เป็นชื่อของแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานที่น่าสนใจ

ประวัติความเป้นมาของแบรนด์แดวู

กลุ่ม แดวู ก่อตั้งโดย Kim Woo-choong ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2510 เขาเป็นบุตรชายของผู้ว่าราชการจังหวัดแทกู เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายคยองกีจากนั้นจบปริญญาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยยอนเซในโซล

ในช่วงทศวรรษที่ 1960 หลังการสิ้นสุดของรัฐบาล อี ซึง-มัน รัฐบาลใหม่ของ พัก จ็อง-ฮี ได้เข้าแทรกแซงเพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาในประเทศ เพิ่มการเข้าถึงทรัพยากรส่งเสริมการส่งออกการทำอุตสาหกรรมทางการเงิน

และให้ความคุ้มครองจากการแข่งขันกับ แชโบล เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเมืองของ บริษัท ในช่วงแรกรัฐบาลเกาหลีได้กระตุ้นแผนห้าปีซึ่งจำเป็นต้องใช้ แชโบล เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์พื้นฐานหลายประการ

แดวูไม่ได้เป็นผู้เล่นหลักจนกว่าแผนห้าปีที่สอง แดวู ได้รับประโยชน์จากเงินกู้ราคาถูกที่รัฐบาลให้การสนับสนุนจากผลกำไรจากการส่งออกที่อาจเกิดขึ้น ในตอนแรกบริษัทมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเสื้อผ้า

และสิ่งทอที่ใช้แรงงานจำนวนมากซึ่งให้ผลกำไรสูงเนื่องจากมีพนักงานจำนวนมากและราคาไม่แพงในเกาหลีใต้

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

แผนห้าปีที่สามและสี่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ถึง พ.ศ. 2524 ในช่วงเวลานี้กำลังแรงงานของประเทศเป็นที่ต้องการสูง การแข่งขันจากประเทศอื่นๆ เริ่มทำลายความสามารถในการแข่งขันของเกาหลีใต้

รัฐบาลตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้โดยมุ่งเน้นความพยายามในด้านวิศวกรรมเครื่องกลและไฟฟ้าการต่อเรือปิโตรเคมีการก่อสร้างและการริเริ่มทางทหาร ในตอนท้ายของช่วงเวลานี้รัฐบาลบังคับให้ แดวู

ทำการต่อเรือ คิมไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ แต่ในไม่ช้าแดวูก็ได้รับชื่อเสียงจากการผลิตเรือและแท่นขุดเจาะน้ำมันในราคาที่แข่งขันได้

ในช่วงทศวรรษหน้ารัฐบาลเกาหลีมีนโยบายเศรษฐกิจที่เสรีมากขึ้น บริษัท เอกชนขนาดเล็กได้รับการสนับสนุนให้คลายข้อ จำกัด การนำเข้าแบบคุ้มครองและรัฐบาลลดการเลือกปฏิบัติในเชิงบวก (การดำเนินการยืนยัน)

เพื่อส่งเสริมการค้าในตลาดเสรีและบังคับให้แชโบลรุกในต่างประเทศมากขึ้น แดวูตอบสนองด้วยการจัดตั้ง บริษัท ร่วมทุนหลายแห่งกับ บริษัท ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขยายการส่งออกเครื่องมือเครื่องจักรผลิตภัณฑ์ป้องกัน

ผลประโยชน์ด้านการบินและอวกาศและการออกแบบและผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ในที่สุดก็เริ่มสร้างเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินพลเรือนซึ่งมีราคาถูกกว่าที่ผลิตโดยบริษัทในสหรัฐ นอกจากนี้ยังขยายความพยายามในอุตสาหกรรมยานยนต์

และได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 7 และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับหกของโลก ตลอดช่วงเวลานี้แดวูประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปลี่ยน บริษัท ที่ล้มเหลวในเกาหลีใต้

ในช่วงทศวรรษที่ 1980 และต้นปี 1990 แดวูกรุ๊ป ยังผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคคอมพิวเตอร์ผลิตภัณฑ์โทรคมนาคมอุปกรณ์ก่อสร้างอาคารและเครื่องดนตรี

บทความโดย ufabet777

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

BMW Logo เรื่องราวของโลโก้ของรถยนต์ในแต่ละแบรนด์นั้นก็จะต่างกันไป แต่ละแบรนด์รถยนต์จะมีการออกแบบโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และในแต่ละแบรนด์นั้นก็จะมีการใส่เอกลักษณ์และยังมีความหมายอีกด้วยนะ

และเรื่องของโลโก้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู หลายๆท่านนั้นคงจะชินกันกับโลโก้ในแบบใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู แต่โลโก้หรือสัญญาลักษณ์นั้น ในแต่ละช่วงเวลาการสร้างโลโก้ก็จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

วันนี้เราจะพาทุกท่านนั้นไปรู้จักกันกับโลโก้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูกัน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

BMW Logo เรื่องราวของสัญญาลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ที่น่าสนใจอย่างบีเอ็มดับเบิลยู

เรื่องราวของโลโก้บีเอ็มดับเบิลยู

โลโก้ บีเอ็มดับเบิลยู สีน้ำเงินและสีขาวแบบวงกลมหรือ แลนเดอร์ พัฒนามาจากโลโก้ บริษัท แร็ปโมโตเวิร์ค แบบวงกลมซึ่งมีวงแหวนสีดำที่มีชื่อ บริษัท ล้อมรอบโลโก้ บริษัทบนฐานที่มีหัวม้าทำผิดพลาด

บีเอ็มดับเบิลยู ยังคงรักษาวงแหวนสีดำของ แร็ป ที่จารึกชื่อบริษัทไว้แต่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบกลางของโล่ทรงกลมที่มีการอ้างอิงเสมือนตราประจำตระกูล ของรัฐอิสระบาวาเรีย  โดยเป็นอาวุธของ House of Wittelsbach, ดุ๊ก

และ คิง ออฟ บาวาเรีย อย่างไรก็ตามเนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าห้ามไม่ให้ใช้เสื้อคลุมแขนของรัฐหรือสัญลักษณ์อื่นๆ

ของอำนาจอธิปไตยบนโลโก้ทางการค้าการออกแบบจึงมีความแตกต่างเพียงพอที่จะปฏิบัติตาม แต่ยังคงไว้ซึ่งทิงเจอร์สีฟ้า และสีแดง

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

การทำซ้ำโลโก้ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในปี ค.ศ.2020 การลบเอฟเฟกต์ 3 มิติที่ใช้ในการเรนเดอร์ของโลโก้และยังลบโครงร่างสีดำที่ล้อมรอบรอนเดล โลโก้จะถูกใช้ในการสร้างตราสินค้าของ บีเอ็มดับเบิลยู แต่จะไม่ใช้กับยานพาหนะ

ที่มาของโลโก้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของใบพัดเครื่องบินโลโก้ บีเอ็มดับเบิลยู ที่มีใบพัดสีขาวดูเหมือนจะตัดผ่านท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจากโฆษณา บีเอ็มดับเบิลยู ปี 1929 ที่แสดงสัญลักษณ์ บีเอ็มดับเบิลยู

ที่วางทับบนใบพัดหมุน ด้วยไตรมาสที่กำหนดโดยเอฟเฟกต์แสงแฟลชการส่งเสริมเครื่องยนต์อากาศยานจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู สร้างขึ้นภายใต้ใบอนุญาตจากแพรตต์แอนด์วิทนีย์ “เป็นเวลานานที่

บีเอ็มดับเบิลยู ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยในการแก้ไขตำนานที่ว่าตราสัญลักษณ์ของ บีเอ็มดับเบิลยู คือใบพัด” เป็นที่ยอมรับกันดีว่าภาพใบพัดนี้ถูกใช้ครั้งแรกในโฆษณา

บีเอ็มดับเบิลยู ในปี ค.ศ.1929 – สิบสองปีหลังจากสร้างโลโก้ – ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ที่มาที่แท้จริงของโลโก้

บทความโดย ufabet168

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

BMW Motorcycles เรื่องราวของแบรนด์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูนั้นหลายๆท่านคงจะคิดถึงรถยนต์เพียงอย่างเดียว บางท่านนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูนั้นได้มีการทำมอเตอร์ไซต์ขึ้นมาด้วย

บีเอ็มดับเบิลยูนั้นมีการสร้างมอเตอร์ไซต์อยู่หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในทรงสปอร์ต ทัวร์ริ่ง หลายท่านนั้นคงจะคิดว่าบีเอ็มดับเบิลยูนั้นทำมอเตอร์ไซต์ออกมาแล้วจะดีมั้ย ท่านต้องลองดูครับผมบอกได้เลยว่ามอเตอร์ไซต์ของบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูนั้นไม่แพ้รถยนต์แน่นอน

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกันกับมอเตอร์ไซต์ขอองแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

BMW Motorcycles เรื่องราวของมอเตอร์ไซต์ของแบรนด์รถยนต์อย่างบีเอ็มดับเบิลยู

ประวัติความเป็นมามอเตอร์ไซต์ของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู

บีเอ็มดับเบิลยู เริ่มผลิตเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์และรถจักรยานยนต์หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันแบรนด์รถจักรยานยนต์เป็นที่รู้จักในชื่อ บีเอ็มดับเบิลยู โมโตแลนน์ รถจักรยานยนต์คันแรกที่ประสบความสำเร็จหลังจาก เฮลิออส และ แฟรงก์

ที่ล้มเหลวคือ อาร์ 32 ในปี ค.ศ.1923 แม้ว่าเดิมจะเริ่มผลิตในปี ค.ศ.1921 สิ่งนี้มีเครื่องยนต์คู่ “บ็อกเซอร์” ซึ่งกระบอกสูบจะไหลเข้าสู่อากาศจากแต่ละด้านของเครื่อง นอกเหนือจากรุ่นสูบเดียวของพวกเขา

รถจักรยานยนต์ทั้งหมดของพวกเขายังใช้รูปแบบที่โดดเด่นนี้จนถึงต้นทศวรรษที่ 1980 บีเอ็มดับเบิลยู หลายรุ่นยังคงผลิตในรูปแบบนี้ซึ่งกำหนดให้เป็น อาร์ซีรี่

การผลิตรถจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ทั้งหมดตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 ตั้งอยู่ที่โรงงาน เบอร์ลิน – สปันเดา ของบริษัท

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ได้ผลิตรถจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู อาร์75 โดยติดตั้งมอเตอร์ไซด์คาร์รวมกับเฟืองท้ายที่ล็อคได้ทำให้รถมีความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด

ในปี ค.ศ.1982 เคย์ซีรี่ มาพร้อมกับเพลาขับ แต่ระบายความร้อนด้วยน้ำและมีกระบอกสูบสามหรือสี่สูบติดตั้งเป็นเส้นตรงจากด้านหน้าไปด้านหลัง หลังจากนั้นไม่นาน บีเอ็มดับเบิลยู ก็เริ่มสร้าง F และ G series ที่ขับเคลื่อนด้วยโซ่ด้วยเครื่องยนต์ Rotax คู่เดียวและคู่ขนาน

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 บีเอ็มดับเบิลยู ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ airhead Boxer ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ oilhead ในปี ค.ศ.2002 เครื่องยนต์ oilhead มีหัวเทียนสองหัวต่อสูบ ในปี ค.ศ.2004 ได้เพิ่มเพลาสมดุลในตัวความจุที่เพิ่มขึ้นเป็น 1170 ซีซี

และเพิ่มสมรรถนะเป็น 75 กิโลวัตต์ (101 แรงม้า) สำหรับ R1200GS เทียบกับ 63 กิโลวัตต์ (84 แรงม้า) ของ R1150GS รุ่นก่อนหน้า เครื่องยนต์หัวน้ำมันที่ทรงพลังกว่านั้นมีอยู่ใน R1100S และ R1200S โดยให้กำลัง 73 และ 91 กิโลวัตต์ (98 และ 122 แรงม้า) ตามลำดับ

ในปี ค.ศ.2004 บีเอ็มดับเบิลยู ได้เปิดตัว K1200S Sports Bike ใหม่ซึ่งนับเป็นการจากไปของ บีเอ็มดับเบิลยู มีเครื่องยนต์ขนาด 125 กิโลวัตต์ (168 แรงม้า) ซึ่งได้มาจากการทำงานของ บริษัท ร่วมกับทีม

วิลเลียมส์ F1 และมีน้ำหนักเบากว่า K รุ่นก่อน ๆ นวัตกรรมใหม่รวมถึงระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังที่ปรับได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และส้อมด้านหน้าแบบ Hossack ที่ บีเอ็มดับเบิลยู เรียกว่า Duolever

บทความโดย ufabet1688

History of BMW 2 เป็นเรื่องราวอีกตอนหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงจากในตอนที่แล้ว ประวัติความเป็นมาของแบรนด์รถยนต์อย่างบีเอ็มดับเบิลยูนั้น ผมถือว่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์นี้นั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก

จากในตอนที่แล้วนั้นประวัติความเป็นมาของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นยังไม่จบ วันนี้เราจะกลับมาต่อกัน แต่ก่อนอื่นถ้าหากท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านในตอนที่แล้วของแนะนำให้กลับไปอ่านกันก่อนเพื่อที่จะได้เข้าใจง่ายในตอนนี้

ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

History of BMW 2 เรื่องราวของแบรนด์รถยนต์อย่างบีเอ็มดับเบิลยูที่มีความน่าสนใจมาก

ประวัติความเป็นมาของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู 2

การเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู นิวส์ คลาส คอมแพ็คซีดานในปี ค.ศ.1962 เป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงของ บีเอ็มดับเบิลยู ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตชั้นนำ ตลอดทศวรรษที่ 1960 บีเอ็มดับเบิลยู

ได้ขยายขอบเขตโดยการเพิ่มรุ่นคูเป้และซีดานหรู รถยนต์ซีดานขนาดกลาง บีเอ็มดับเบิลยู 5 ซี่รี่ เปิดตัวในปี 2515 ตามด้วยรถเก๋งขนาดกะทัดรัด บีเอ็มดับเบิลยู 3 ซี่รี่

ในปี พ.ศ.2518 รถเก๋งหรู บีเอ็มดับเบิลยู 6 ซีรี่ ในปี พ.ศ.2519 และรถเก๋งหรูขนาดใหญ่ บีเอ็มดับเบิลยู 7 ซีรี่ ในปี พ.ศ.2521

แผนก บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม เปิดตัวรถใช้งานบนท้องถนนคันแรกซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางในปี พ.ศ.2521 ตามมาด้วย บีเอ็มดับเบิลยู M5 ในปี ค.ศ.1984 และ บีเอ็มดับเบิลยู M3 ในปี ค.ศ.1986

นอกจากนี้ในปี ค.ศ.1986 บีเอ็มดับเบิลยู ได้เปิดตัวเครื่องยนต์ V12 เป็นครั้งแรกในซีดานสุดหรู 750i

บริษัทได้ซื้อ โรเวอร์กรุ๊ป ในปี ค.ศ.1994 อย่างไรก็ตามการเทคโอเวอร์ไม่ประสบความสำเร็จและทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู สูญเสียทางการเงินจำนวนมาก ในปีพ.ศ. 2543 บีเอ็มดับเบิลยู ได้ขายรถยนต์ยี่ห้อ โรเวอร์ ส่วนใหญ่โดยเหลือเพียงยี่ห้อ มินิ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ในปี ค.ศ.1998 บีเอ็มดับเบิลยู ยังได้รับสิทธิ์ในแบรนด์โรลส์รอยซ์จาก บมจ. วิคเกอร์ส

บีเอ็มดับเบิลยู Z3 ปี ค.ศ.1995 ได้ขยายไลน์อัพเพื่อรวมรถโรดสเตอร์สองที่นั่งที่ผลิตจำนวนมากและ บีเอ็มดับเบิลยู X5 ปี ค.ศ.1999 เป็นบริษัทที่เข้าสู่ตลาด เอสยูวี

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ผลิตในจำนวนมากรุ่นแรกเปิดตัวในปี พ.ศ.2549 โดยเครื่องยนต์ส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้เทอร์โบชาร์จในช่วงปี ค.ศ.2010 บีเอ็มดับเบิลยู ไฮบริดคันแรกคือ

บีเอ็มดับเบิลยู แอคทีบไฮบริต 7 ปี ค.ศ.2010 และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ บีเอ็มดับเบิลยู คือรถเมือง บีเอ็มดับเบิลยู i3 ซึ่งเปิดตัวในปี ค.ศ.2013 หลังจากสร้างชื่อเสียงในด้านกีฬารถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังมาหลายปีรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกของ

บีเอ็มดับเบิลยู คือรถยนต์อเนกประสงค์ ค.ศ.2014 บีเอ็มดับเบิลยู 2 Series Active Tourer

บทความโดย ufa877

History of BMW ในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวของแบรนด์รถยนต์อย่างบีเอ็มดับเบิลยู หลายท่านนั้นคงต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะว่าในประเทศไทยนั้นรถยนต์แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูนั้นมีให้เห็นกันอยู่เยอะตามท้องถนน

บีเอ็มดับเบิลยูเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีความเป็นมาอย่างยาวนานและถือได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทำรถออกมาได้ดีมากเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องยนตร์ บอดี้ต่างๆของรถ วันนี้เราจะพาทุกท่านนั้นไปรู้จักกันกับประวัติความเป็นมาของบีเอ็มดับเบิลยูกัน

ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

History of BMW เรื่องราวประวัติความเป็นมาของแบรนด์รถยนต์ที่รู้จักกันดี

ประวัติความเป็นมาของบีเอ็มดับเบิลยู

เม็สเซอร์ชมิท ฟลุ๊คสุเวคุตต์ เอร์จี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2459 บริษัท นี้เปลี่ยนชื่อเป็น เม็สเซอร์ชมิท โมโตเรด เวิร์ค (บีเอ็มดับเบิลยู) ในปี พ.ศ. 2465 อย่างไรก็ตามชื่อ บีเอ็มดับเบิลยู ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2456

เมื่อ บริษัท ดั้งเดิมที่ใช้ชื่อนี้ก่อตั้งโดย คาร์ล แรพพ์ ผลิตภัณฑ์แรกของ บีเอ็มดับเบิลยู คือเครื่องยนต์เครื่องบินหกตรงที่เรียกว่า บีเอ็มดับเบิลยู IIIa หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 บีเอ็มดับเบิลยู

ยังคงดำเนินธุรกิจโดยการผลิตเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์อุปกรณ์ในฟาร์มของใช้ในครัวเรือนและเบรกรถไฟ บริษัท ผลิตรถจักรยานยนต์คันแรก บีเอ็มดับเบิลยู อาร์ 32 ในปี พ.ศ. 2466

บีเอ็มดับเบิลยู กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในปีพ.ศ. 2471 เมื่อซื้อ Fahrzeugfabrik Eisenach ซึ่งในเวลานั้นได้สร้าง ออสตินเซเว่นส์ ภายใต้ใบอนุญาตภายใต้ยี่ห้อ ดิกซี่ รถยนต์คันแรกที่ขายในนาม

บีเอ็มดับเบิลยู คือ ดิกซี่ ที่เปลี่ยนโฉมใหม่เรียกว่า บีเอ็มดับเบิลยู 3/15 หลังจากที่ บีเอ็มดับเบิลยู ได้เข้าซื้อกิจการ Automobilwerk Eisenach ผู้ผลิตรถยนต์ ตลอดช่วงทศวรรษที่ 1930 บีเอ็มดับเบิลยู ได้ขยายขอบเขตไปสู่รถสปอร์ตและรถหรูขนาดใหญ่

เครื่องยนต์ของเครื่องบินรถจักรยานยนต์และรถยนต์จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ บีเอ็มดับเบิลยู จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงสงครามตามความปรารถนาของผู้อำนวยการ ฟอร์น โจเซฟ ป็อป บีเอ็มดับเบิลยู

มุ่งเน้นไปที่การผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินโดยใช้แรงงานบังคับซึ่งประกอบด้วยนักโทษจากค่ายกักกันเป็นหลักโดยมีรถจักรยานยนต์เป็นสายข้างและการผลิตรถยนต์หยุดลงโดยสิ้นเชิง โรงงานของ บีเอ็มดับเบิลยู

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามและโรงงานของเยอรมันตะวันตกที่เหลือถูกห้ามไม่ให้ผลิตยานยนต์หรือเครื่องบินหลังสงคราม อีกครั้ง บริษัท อยู่รอดด้วยการทำหม้อกระทะและจักรยาน ในปีพ.ศ. 2491 บีเอ็มดับเบิลยู

เริ่มการผลิตรถจักรยานยนต์อีกครั้ง บีเอ็มดับเบิลยู กลับมาผลิตรถยนต์ในบาวาเรียในปีพ.ศ. 2495 ด้วยรถเก๋งหรู บีเอ็มดับเบิลยู 501 ช่วงของรถยนต์ได้รับการขยายในปีพ.ศ. 2498 ผ่านการผลิตรถไมโครคาร์ อิเซตัน

ราคาถูกภายใต้ใบอนุญาต ยอดขายรถยนต์หรูที่ชะลอตัวและอัตรากำไรเล็กน้อยจากรถไมโครหมายความว่า บีเอ็มดับเบิลยู ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักและในปีพ.ศ. 2502 บริษัท เกือบถูกยึดครองโดย เดมเลอร์ – เบนซ์

คู่แข่ง การลงทุนจำนวนมากใน บีเอ็มดับเบิลยู โดย ฮาเดอร์ ควาน์ และ ฮาเดอร์ ควาน์ ส่งผลให้ บริษัท อยู่รอดในฐานะนิติบุคคลแยกต่างหาก บีเอ็มดับเบิลยู 700 ประสบความสำเร็จและช่วยในการฟื้นตัวของ บริษัท

บทความโดย ufabet.com

Lincoln Motor Company 1950 เป็นอีกหนึ่งตอนหรือเรื่องราวในช่วงเวลาหนึ่งของลินคอล์นที่ในปี1950นั้น ลินคอล์นจะเป็นอย่างไร เผื่อท่านใดที่ยังม่ทราบกัน แบรนด์รถยนต์ลินคอล์นนั้นถูกแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างฟอร์ดนั้นได้ซื้อไป

แบรนด์รถยนต์อย่างลินคอล์นนั้นเป็นแบรนด์รถครอบครัวและบางรุ่นนั้นก็เป็นรถยนต์แนวสปอร์ตที่ทำออกมาได้สวยงามมาก และบางรุ่นนั้นทำออกมาได้สวยงามมาก เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ลินคอล์น

เรื่องราวในวันนี้เราจะพาทุกท่านนั้นไปต่อกันในช่วงเวลาค.ศ.1950 ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Lincoln Motor Company 1950 เรื่องราวของแบรนด์รถยนต์อย่างลินคอล์นที่น่าสนใจ

เรื่องราวประวัติความเป็นมาของลินคอล์น ค.ศ.1950

เมื่อลินคอล์นเข้าสู่ทศวรรษที่ 1950 บริษัทฟอร์ดมอเตอร์พยายามที่จะเพิ่มความแตกต่างระหว่างสายโมเดลของเมอร์คิวรีและลินคอล์น สำหรับปีพ.ศ. 2495 เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับแบรนด์ลินคอล์นกลับมาใช้ชื่อรุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2485

โดยลินคอล์นคอสโมโพลิแทนกลายเป็นรุ่นมาตรฐานของลินคอล์นโดยลินคอล์นคาปรีกลายเป็นรุ่นเรือธง ในการกลับไปที่บังโคลนหลังโป๊ะ (เล็ก) ลินคอล์น ได้แบ่งปันร่างกับ เมอร์คิวรีมอนเทอเรย์

ในทางกลไกลินคอล์นแตกต่างจาก เมอร์คิวรี เนื่องจากรถบรรทุกฟอร์ด V8 ถูกแทนที่ด้วย Lincoln Y-block V8 พร้อมระบบเกียร์ Hydramatic เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การยุติรุ่น K ลินคอล์น ถูกผลิตขึ้นโดยใช้ประตูหลังแบบบานพับด้านหน้า

ในปีพ.ศ. 2499 ตัวถัง ลินคอล์นเมอร์คิวรี ที่ใช้ร่วมกันได้รับการออกแบบใหม่เป็นครั้งสุดท้ายโดยลินคอล์นใช้องค์ประกอบจากรถแนวคิด เมอร์คิวรี เอ้ฏว์เอ็ม – 800

และ ลินคอล์น ฟูทูลา ลินคอล์นพรีเมียร์ที่ดัดแปลงคุณสมบัติของ Continental Mark II รวมถึงเครื่องปรับอากาศแบบท่อ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ในช่วงปีพ.ศ. 2499 ลินคอล์น – เมอร์คิวรีได้รับการจัดโครงสร้างใหม่เล็กน้อยหลังจากการสร้างแผนกเอ็ดเซลและคอนติเนนตัลที่ยืนอิสระลินคอล์น – เมอร์คิวรีถูกเปลี่ยนเป็นเมอร์คิวรี – เอดเซล – ลินคอล์น

โดยมี Edsel ประกบข้าง / ใต้ดาวพุธและทวีปเหนือลินคอล์น เป็นเรือธงของ ฟอร์ดมอเตอร์ทั้งหมด ในตอนท้ายของปีพ.ศ. 2502 คอนติเนนทอลถูกรวมเข้ากับลินคอล์นและเอ็ดเซลถูกถอนตัว

โรงงานของ บริษัท ลินคอล์นมอเตอร์สร้างขึ้นในเมืองดีทรอยต์รัฐมิชิแกนโดย เฮนรี เอ็ม. เลแลนด์ ในปีพ.ศ. 2460 ถูกปิดหลังจากปี พ.ศ.2495 ลินคอล์น ที่ตามมาถูกผลิตควบคู่ไปกับ เมอร์คิวรี่มอนเทอเรย์

และ เมอร์คิวรีมอนต์แคลร์ สำหรับรุ่นปี 1957 ฟอร์ดได้เปิด Wixom Assembly ในเมือง Wixom รัฐมิชิแกนเพื่อเป็นโรงงานที่เชี่ยวชาญในการผลิตลินคอล์น ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2500

ถึง 2550 โรงงานแห่งนี้ได้ผลิตรถยนต์ลินคอล์นโดยเฉพาะพร้อมกับฟอร์ด GT และฟอร์ดธันเดอร์เบิร์ดหลายรุ่น

บทความโดย ufa877.com

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Lincoln Motor Company 1940 เป็นอีกในช่วงเวลาของแบรนด์รถยนต์อย่างลินคอล์น อย่างในหลายๆตอนที่พามานั้นเราได้ทำการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์รถยนต์ลินคอล์นกันไปแล้วในบางส่วน

ในประเทศไทยแบรนด์รถยนต์อย่างลินคอล์นอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันสักเท่าไหร่ หนึ่งเลยเป็นเพราะว่าแบรนด์ลินคอล์นนั้นเป็นอีกแบรนด์ที่มีคุณภาพและแถมด้วยราคาที่แพงอยู่พอสมควร

และเป็นแบรนด์ที่ถือได้ว่าเก่าและเป็นแบรนด์ที่อยู่มานานมาก วันนี้เราจะไปต่อกันกับเรื่องราวของรถยนต์แบรนด์นี้กัน ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ เอาหละไปชมกกันเลย

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

Lincoln Motor Company 1940 เรื่องราวของแบรนด์รถยนต์ที่มีความน่าสนใจมาก

เรื่องราวประวัติความเป็นมาของลินคอล์น ค.ศ.1940

หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์หรูสัญชาติอเมริกันหลายรายถูกบังคับให้ปิดตัวหรือปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ภายในปีพ.ศ. 2483 ข้างลินคอล์นกลุ่มรถหรูของอเมริกาส่วนใหญ่ประกอบด้วยคาดิลแลค ไครสเลอร์อิมพีเรียล

และ แพคการ์ด เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตให้กับลินคอล์นในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2483 บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ได้จัดตั้งบริษัท ลินคอล์นมอเตอร์ขึ้นใหม่ในฐานะแผนกลินคอล์นของบริษัท ฟอร์ดมอเตอร์

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ดำเนินงานในฐานะหน่วยงานอิสระ คล้ายกับ คาดิลแลค คู่แข่งรายใหญ่

 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างกับสายการผลิตรุ่นลินคอล์น หลังจากการตอบรับในเชิงบวกของรถเปิดประทุนแบบเปิดประทุนแบบเปิดประทุนของลินคอล์นคอนติเนนทอลปี ค.ศ.1939

ที่สร้างขึ้นสำหรับเอ็ดเซลฟอร์ดลินคอล์นคอนติเนนทอลได้รับการแนะนำให้ใช้เป็นรุ่นการผลิตของลินคอล์น ซีเฟอร์ในปี พ.ศ. 2483 สำหรับปี พ.ศ. 2484 ลินคอล์นได้แก้ไขตราสินค้า ยัติภังค์ถูกลบออกจากลินคอล์น – เซเฟอร์ทำให้เป็นลินคอล์น

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เพื่อทดแทนรุ่น K ที่มีราคาแพงได้มีการพัฒนารุ่นฐานล้อ ลินคอส์นคัสเทิม ลินคอล์น เซเฟอร์หลังจากการพัฒนาเครื่องมือที่เหมาะสม ลินคอล์น คอนติเนนทัล ได้เริ่มการผลิตในสายการผลิตโดยแทนที่โครงสร้างที่สร้างขึ้นด้วยมือ

หลังจากที่สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองเช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯทั้งหมดลินคอล์นยุติการผลิตรถยนต์เนื่องจาก บริษัท ฟอร์ดมอเตอร์มุ่งเน้นไปที่การผลิตในช่วงสงคราม

หลังจากสิ้นสุดสงครามในปีพ.ศ. 2488 โครงสร้างของลินคอล์นภายในฟอร์ดก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อลินคอล์น เมอร์คิวรีถูกสร้างขึ้นโดยจับคู่เมอร์คิวรีและลินคอล์นเข้าด้วยกัน

สำหรับปีพ. ศ. 2489 ลินคอล์นกลับสู่การผลิตและยุติการใช้ชื่อ ไซเฟอร์ ชื่อรหัส H-series, ลินคอล์น ที่ไม่ใช่คอนติเนนตัลถูกระบุตามลักษณะตัวถัง การใช้ภายนอกที่ปรับปรุงเล็กน้อยจากปีพ.ศ. 2485 ลินคอล์น

ยังคงใช้แชสซี ไซเฟอร์ ต่อไป ปี ค.ศ.1948 ถือเป็นปีสุดท้ายของแชสซี ไซเฟอร์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1936 และ ณ ปี ค.ศ.2018 การใช้เครื่องยนต์ V12 ในรถยนต์ที่ผลิตจำนวนมากของอเมริกา หลังจากผลิตได้ 5322 เครื่อง  ลินคอล์นก็ยุติการผลิตคอนติเนนทัล

บทความโดย ufabet168

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?